เป็นโครงการที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการ สามารถจัดทำใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และ ส่งผ่าน e-Mail เพื่อไปประทับรับรองเวลาที่ สพธอ.
ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่มีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปีภาษีหรือต่อรอบระยะเวลาบัญชี
ได้
สามารถใช้ควบคู่กันไปได้
ไม่มี แต่ต้องลงทะเบียนกับกรมสรรพากร
ข้อมูลจะถูกประทับรับรองเวลาและจัดเก็บในฐานข้อมูล พร้อมส่งให้แก่ผู้ขายและผู้ซื้อเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
สามารถเลือกใช้วิธีอื่นได้ขึ้นอยู่กับความสะดวก ระบบนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้งานเท่านั้น
มีความมั่นคงปลอดภัย เพราะมีการพัฒนาระบบตามมาตรฐานของการรับส่งอีเมลที่มีการตรวจสอบการปลอมแปลงอีเมลตามรูปแบบ SPF (Sender Protocol Framework) และ Domain Key validation สำหรับข้อมูลของระบบนั้นได้รับการจัดเก็บที่หน่วยงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO27001 ซึ่งเป็นมาตรฐานระบบบริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ รวมถึงมีประทับรับรองเวลาดิจิทัล (Digital Timestamping) กับใบกำกับฯ ด้วยเทคโนโลยี PKI (Public Key Infrastructure)
ไม่จำเป็น สามารถนำส่งและจัดเก็บในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้เลย
ผู้ประกอบการจดทะเบียนจะต้องจัดทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ให้อยู่ในรูปของ PDF/A-3 เท่านั้น
1 มีนาคม 2560
การประทับรับรองเวลาคือการให้บุคคลที่สามที่น่าเชื่อถือ เป็นผู้ประทับรับรองว่าข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์นั้นเกิดขึ้นจริง ณ เวลาที่รับรอง เพื่อให้มีหลักฐานสามารถตรวจสอบได้ภายหลัง
วิธีการทางเทคนิคเพื่อรับรองความมีอยู่ของเอกสารหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ ขณะที่มีการประทับรับรองเวลา และสามารถตรวจพบได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงแก่เอกสารหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นับแต่ที่ได้มีการประทับรับรองเวลาหรือไม่
ปัจจุบันยังไม่มีการบังคับใช้
ผู้ขายสินค้า/ผู้ให้บริการต้องออกใบกำกับภาษีเมื่อมีความรับผิดเกิดขึ้นเช่นเดียวกับการออกใบกำกับภาษีแบบกระดาษ
สามารถพิมพ์ได้ แต่กรมสรรพากรตรวจเอกสารหลักฐานจากใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น
หากเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แล้ว จะถือว่าเป็นต้นฉบับ ทุก copy ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขายจะต้องจัดเก็บใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการประทับรับรองเวลา รวมถึง e-mail ที่ได้รับจากระบบด้วย
ผู้ประกอบการสามารถออกใบกำกับภาษีได้ทั้ง 2 รูปแบบแต่ต้องกำหนดไว้ในรายงานภาษีซื้อและรายงานภาษีขายว่าใบกำกับภาษีใดออกโดยวิธีใด